พัฒนาการในการแก้ไขปัญหาด้านศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
03 ธ.ค. 2564 15:54 น. | อ่าน 4041
การศึกษา ถือเป็นเครื่องมือสำคัญประการหนึ่งที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) อย่างไรก็ตาม เมื่อมองลึกลงไปในเรื่องสถานการณ์ และการจัดการในเรื่องการศึกษาใน จชต. พบว่า มีปัญหาในหลาย ๆ ด้าน อาทิเช่น ด้านการกระจายโอกาส การเคารพความแตกต่าง การมีส่วนร่วม และการปรองดอง ปัญหาเหล่านี้ เป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อการพัฒนาการศึกษาในพื้นที่ จชต.
ดังนั้นการแก้ไขปัญหาดังที่กล่าวข้างต้น รวมไปถึงการวางรากฐานด้านศึกษาที่สอดคล้องบริบทของ จชต. จึงเป็นหนึ่งในนัยสำคัญที่มีผลต่อความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาการก่อความไม่สงบในพื้นที่ จชต
การแก้ไขปัญหา และการวางรากฐานการศึกษาในพื้นที่ จชต.
ในช่วงเวลาที่ผ่านมารัฐบาลได้แก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อให้ระบบการศึกษาในพื้นที่สามารถตอบสนองต่อนโยบายสำคัญทางด้านเศรษฐกิจ อาทิเช่น โครงการพัฒนาเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” เป็นต้น โดยการพัฒนาด้านการศึกษาดังกล่าวจะต้องมีความสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ที่นำไปสู่การสร้างสันติสุข
ณ ปัจจุบัน กระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดตั้ง “ศูนย์ประสานงาน และบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปบ.จชต) ให้เป็นหน่วยงานหลักในการประสานแผนการทำงานร่วมกัน ให้เกิดการทำงานเชิงบูรณาการ รวมไปถึงการวางรากฐานการศึกษาให้เกิดขึ้นในพื้นที่ จชต. ได้อย่างมั่นคงถาวร
การวางรากฐาน และการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในพื้นที่ จชต. จะให้ความสำคัญใน 6 ด้าน ได้แก่ 1) การศึกษาเพื่อความมั่นคง, 2) การผลิต และพัฒนากำลังคนให้มีสมรรถนะในการแข่งขัน, 3) การพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัย และการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ (เขตพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา), 4) การสร้างโอกาสความเสมอภาค และเท่าเทียมทางการศึกษา, 5) การจัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ 6) การพัฒนาระบบการบริหารการศึกษา ที่เน้นในเรื่อง จิตวิญญาณ ในการทำงาน
พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา “ใช้พื้นที่เป็นฐาน นวัตกรรมขับเคลื่อน”
การดำเนินการทั้ง 6 ด้าน ภายใต้การบูรณาการของ ศปบ.จชต. มีความคืบหน้าตามลำดับ และ 1 ใน 6 ด้านที่มีความเป็นรูปธรรม และมีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ก็คือ การพัฒนา “พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา” (การพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัย และการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้) ภายใต้ พ.ร.บ.พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ.2562 เพื่อใช้พื้นที่เป็นฐานในการสร้างนวัตกรรมเชิงพื้นที่ และการสร้างระบบการจัดการการศึกษาที่ตอบโจทย์ในระดับพื้นที่
ปัจจุบันกระทรวงศึกษาธิการพัฒนา “พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา” โดยนำร่อง 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่, กาญจนบุรี, ระยอง, ศรีสะเกษ, สตูล, ปัตตานี, ยะลา และ นราธิวาส
คำว่า “นวัตกรรมการศึกษา” หมายถึง “แนวคิด วิธีการ กระบวนการ สื่อการเรียนการสอน หรือ การบริหารจัดการในรูปแบบใหม่ ซึ่งได้มีการทดลอง และพัฒนาจนเป็นที่น่าเชื่อถือว่าสามารถส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน และการจัดการศึกษา และให้หมายความรวมถึงการนำสิ่งดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาด้วย
พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา จะมีวัตถุประสงค์หลักด้วยกัน 4 ด้าน ได้แก่ 1) เพิ่มผลสัมฤทธิ์ ผลิต พัฒนา ขยายผลนวัตกรรมการศึกษา, 2) ลดความเหลื่อมล้ำในด้านคุณภาพการศึกษา และโอกาสทางการศึกษา, 3) กระจายอำนาจ และให้อิสระแก่หน่วยงานทางการศึกษา และสถานศึกษานำร่องในพื้นที่ และ 4) สร้าง และพัฒนากลไกความร่วมมือทุกภาคส่วน
คิดได้ ทำเป็น เห็นคุณค่า หลักสูตรฐานสมรรถนะในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา
นอกเหนือไปจากพัฒนาระบบการศึกษาในพื้นที่ จชต. ภายใต้โครงการ “พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา” ซึ่งเป็นการพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัย และการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้แล้ว พัฒนาการสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ การนำ “หลักสูตรฐานสมรรถนะ” มาใช้ในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาอีกด้วย
สำหรับหลักสูตรฐานสมรรถนะ จะเป็นการตอบโจทย์ในเรื่อง “การผลิต และพัฒนากำลังคนให้มีสมรรถนะในการแข่งขัน” ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในศตวรรษที่ 21 รวมไปถึงการพัฒนาของโลกอนาคต
หัวใจสำคัญของ “หลักสูตรฐานสมรรถนะ” จะเน้นในเรื่อง “คิดได้ ทำเป็น เห็นคุณค่า” ซึ่งประกอบไปด้วยสมรรถนะหลัก 6 ด้าน ได้แก่ 1) การจัดการตนเอง, 2) การคิดขั้นสูง, 3) การสื่อสาร, 4) การรวมพลังทำงานเป็นทีม, 5) การเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง และ 6) การอยู่ร่วมกับธรรมชาติและวิทยาการอย่างยั่งยืน
และที่กล่าวมาข้างต้น คือ พัฒนาการในเรื่องการพัฒนาการศึกษาในพื้นที่ จชต. ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแนวคิด และนโยบายที่ตอบสนองต่อยุทธศาสตร์ชาติ และที่สำคัญที่สุดเป็นการพัฒนาถึงบริบททางด้านวัฒนธรรมประเพณีของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จชต. อย่างไรก็ตามมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องติดตามผลการพัฒนาเหล่านี้ต่อไป ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับการศึกษา และเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ดำรงชีวิตอย่างเป็นสุขในสังคมพหุวัฒนธรรม สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการเปลี่ยนแปลงของโลกในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล รวมไปถึงการสร้างเสริมให้เกิดความสันติสุขอย่างยั่งยืน
Comment