ทหารทำอะไรได้มากกว่าคิด 

 01 มิ.ย. 2559 21:54 น. | อ่าน 3268
Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Google+

    ภาพเฮลิคอปเตอร์ บินหิ้วถังน้ำขนาดใหญ่ดับไฟป่าพรุ ที่ อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาสในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม แสดงให้เห็นถึงภารกิจของทหารในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ต้องทำหน้าที่ช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้พี่น้องประชาชน ในภารกิจบรรเทาภัยพิบัติ ซึ่งพลเอกธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการให้นำเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไปแบบ17(ฮ.ท.MI-17)รุ่นV5 จากกองบินสนับสนุนทั่วไป ศูนย์การบินทหารบก มาใช้งานในการดับไฟป่าเพื่อเสริมการปฏิบัติการดับไฟป่าควบคู่ไปกับเฮลิคอปเตอร์แบบเบลล์ 212 หน่วยบินอโณทัย จากหน่วยเฉพาะกิจอโณทัย กอ.รมน.ภาค4สน.
    สำหรับ ฮ.ท.17 เป็นเฮลิคอปเตอร์ขนาดใหญ่ สามารถลำเลียงนำได้ 3,500 ลิตร/เที่ยวโดยใช้ Bambi bucket บินโปรยน้ำเข้าไปสกัดกั้นที่หัวไฟและในพื้นที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ จนสามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ในที่สุด ทั้งนี้ปฏิบัติการบินดับไฟของ เบล์212และMI-17. ตั้งแต่วันที่ 8-19 พ.ค.59 รวมทั้งสิ้น 297เที่ยวบิน ใช้นำ้ทั้งสิ้น 414,500ลิตร ซึ่งได้ปฏิบัติการควบคู่กับการปฏิบัติการดับไฟป่าภาคพื้นดินที่ส่วนราขการที่เกี่ยวข้องได้เจ้าดำเนินการควบคู่กับอาสาสมัครเสือไฟและประชาชนในพื้นที่ จนกระทั่งการปฏิบัติการดับไฟป่าประสบผลสำเร็จ
    ทั้งนี้ภารกิจดับไฟป่าพรุ กองทัพบกไม่ได้สนับสนุนเฉพาะเฮลิคอปเตอร์ เท่านั้น กองทัพบกยังส่งหน่วยทหารช่างจากกองทัพภาคที่ 1 เข้าไปสร้างทางเข้าพื้นที่ประสบเหตุไฟป่าเพื่อให้รถดับเพลิงเข้าไปทำงานดับไฟป่าได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว สนับสนุนให้ภารกิจดับไฟป่าพรุมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
    สำหรับสถานการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ นอกจากจะสร้างความเสียหายต่อพื้นที่ป่าแล้วยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเจ้าหน้าที่ที่ดับไฟป่า และประชาชนในเรื่องระบบทางเดินหายใจ เป็นจำนวนมาก ศูนย์แพทย์ทหารบกจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงร่วมกับ โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ได้จัดชุดแพทย์เคลื่อนที่ลงพื้นที่ที่ประสบเหตุเพื่อให้บริการตรวจสุขภาพแก่เจ้าหน้าที่ที่ดับไฟป่าและประชาชนในพื้นที่ประสบภัยอีกด้วย
    ปฏิบัติการดับไฟป่าพรุในจังหวัดนราธิวาส เป็นเครื่องสะท้อนที่ชัดเจนว่า กำลังพลและยุทโธปกรณ์ของกองทัพไม่ได้มีไว้เพื่อใช้ในภารกิจดูแลรักษาความสงบให้กับพี่น้องประชาชนเท่านั้น แต่ยังมีไว้เพื่อภารกิจบรรเทาภัยพิบัติ และดูแลรักษาสุขภาพของพี่น้องประชาชนอีกด้วย
งานด้านการพัฒนาและยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้อยู่ดีกินดีมีความสุขก็เป็นภารกิจสำคัญอีกด้านของกองทัพบก เช่น โครงการพัฒนาปรับปรุงถนนในพื้นที่ จชต. ซึ่งกองทัพบกได้ริเริ่มนำน้ำยางพารามาใช้เป็นวัสดุก่อสร้าง โดยนำยางพารามาใช้ผสมกับแอสฟัสต์ เป็นวัสดุที่เรียกว่า “แอสฟัลติกคอนกรีดผสมยางพารา” ซึ่งมีคุณสมบัติทนทาน และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าถนนลาดยาง หรือถนนแอสฟัลต์ที่ใช้กันทั่วไป โดยโครงการนี้กองทัพบก ได้มอบหมายให้หน่วยทหารช่าง จากกองทัพภาคที่ 1 ถึงกองทัพภาคที่ 4 และกรมทหารช่างเข้าดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2557 เป็นต้นมา ก่อสร้างไปทั้งสิ้น 37 เส้นทางแล้วเสร็จในปงบประมาณ 2558
   สำหรับปีงบประมาณ 2559 กอ.รมน.ภาค 4 สน.ได้สานต่อโครงการพัฒนาปรับปรุงถนนอีก 37 เส้นทาง ดำเนินก่อสร้างถนนแอสฟัลติกคอนกรีต ระยะทาง 127 กิโลเมตร ซึ่งใช้น้ำยางสดเป็นส่วนผสมในการในการก่อสร้างประมาณ 812.9 ตัน โดยมอบหมายให้หน่วยทหารช่างจากพื้นที่กองทัพภาคที่ 1-4 และกรมการทหารช่างดำเนินการก่อสร้าง
    ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างถนนทั้ง 37 เส้นทาง เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ต้องการแก้ปัญหาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชน รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการใช้ยางพาราภายในประเทศด้วย
    ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงบางส่วนของภารกิจของกองทัพบกที่ไม่เกี่ยวกับภารกิจทางงานยุทธการ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนั้นจึงกล่าวได้ ว่า “ทหารทำอะไรได้มากกว่าคิด”

 

 

Comment
SOUTHDEEPOUTLOOK.com - Thailand South Deep News

An Internal Error Has Occurred.

Error: An Internal Error Has Occurred.